japan-gadewadee
japan-gadewadee

ทำไมสินค้าญี่ปุ่นถึงมีเสน่ห์

: คิดแบบดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่น

: คิดแบบดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่น

หากท่านเป็นดีไซน์เนอร์ที่คุ้นชินกับการออกแบบบ้าน โรงแรม…

แต่วันหนึ่ง มีคนขอให้ท่านมาออกแบบรถไฟ

ท่านจะทำอย่างไร?


Japanese product design
ภาพจาก: japanstation.com/Photo Courtesy of JR Kyushu



หนำซ้ำ รถไฟขบวนนั้น เป็นรถไฟหรู ที่พ่วงมากับความหวังว่า รถไฟสายนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจในเมืองนั้นดีขึ้น ท่านจะเริ่มต้นคิดคอนเซ็ปต์อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้น ขบวนรถไฟมีความกว้างแค่ 2.7 เมตร หักลบกำแพงสองข้าง เหลือความกว้างของห้องพักแค่ 1.06 เมตรเท่านั้น ท่านจะออกแบบรถไฟขบวนนี้อย่างไร ให้ดูหรู และรู้สึกสบาย

นี่คือโจทย์ทั้งหมดที่มิโตะโอกะ เอจิ … นักออกแบบภายใน (Interior Designer) ได้รับจากการรถไฟคิวชู

Japanese product design
โบกี้รถไฟชั้น 1 ภาพจาก: japanstation.com/Photo Courtesy of JR Kyushu

การรถไฟคิวชูต้องการสร้างรถไฟขบวนนี้ ให้คล้ายกับ Oriental Express ขบวนรถไฟหรูในยุโรป โดยมิโตะโอกะต้องออกแบบรถไฟขบวนนี้ “ทั้งขบวน” ไม่ว่าจะเป็นห้องพักของแขก ห้องน้ำ ห้องครัว บาร์ ตลอดจนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น พื้น เพดาน แสงไฟ

มิโตะโอกะดีไซน์เพดานรถไฟให้เป็นทรงโค้ง เพื่อให้แขกรู้สึกไม่อึดอัด

เขาดัดแปลงพื้นที่ตู้รถไฟให้เป็นที่รับประทานอาหารในตอนกลางวัน และกลายเป็นบาร์ในตอนกลางคืนได้

กระจกพ่นทรายเป็นลายดาวแบบญี่ปุ่น เมื่อมีแสงแดดส่องเข้ามา ลายก็จะสะท้อนบนพื้น จากพื้นไม้เรียบ ๆ กลายเป็นพื้นที่มีลายดาวพร่างพราย
Japanese product design
ภาพจาก: Trainfrontview
หน้าต่างในห้องนอน จะเตี้ยลงมากว่าปรกติ แม้แขกเอนหลังพักบนเตียง ก็ยังสามารถมองไปที่หน้าต่างเพื่อชมวิวด้านนอกได้

หากใครสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า แม้แต่หัวน็อตทั้งหมดในขบวนรถไฟนี้ เป็นรูปดาว … แน่นอนว่า มิโตะโอกะสั่งทำหัวน็อตนี้เป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับขบวนรถไฟ 7 ดาวนี้
Japanese product design

น็อตรูปดาวบนรถไฟ ที่มิโตะโอกะสั่งทำพิเศษ ภาพจาก:trendy.nikkeibp
อะไรคือเบื้องหลังความละเอียดและใส่ใจเช่นนี้ ?

1. ไม่ได้ออกแบบสินค้า แต่คิดถึงสิ่งที่ลูกค้าจะดีใจ

เวลามิโตะโอกะออกแบบ หรือเมื่อเขาต้องตัดสินใจเลือกวัสดุหรือดีไซน์บางอย่าง เขาจะถามตนเองเสมอว่า ตัวเลือกไหนจะดีกับลูกค้าและคนรุ่นหลังมากกว่ากัน

เช่น ตอนเขาออกแบบขบวนรถไฟ Aso-boy! ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือ เด็กและครอบครัว
Japanese product design
Japonismo
สิ่งที่เป็นที่ถกเถียงในตอนนั้น คือ จะใช้พื้นเป็นพลาสติกหรือพื้นไม้ ทางการรถไฟคิวชูเห็นว่า หากใช้พื้นพลาสติก จะดูแลได้ง่ายกว่าและต้นทุนต่ำกว่า แต่มิโตะโอกะเองมองว่า ถ้าเทียบพื้นไม้กับพื้นพลาสติกแล้ว เด็ก ๆ น่าจะชอบพื้นไม้กว่ามาก เขาจึงตัดสินใจเลือกพื้นไม้

เช่นเดียวกับตอนออกแบบรถไฟ 7 ดาว มิโตะโอกะคิดว่า ทำอย่างไรจะให้ผู้โดยสารสนุกสนานไปกับการเดินทาง เขาจึงแอบซ่อนดาวต่าง ๆ ไว้ตามเครื่องประดับและสิ่งของในขบวนรถไฟ เช่น ลายผ้าปูโต๊ะ หัวน็อต รูปทรงของลิ้นชัก ทุกครั้งที่ผู้โดยสารพบดาวรูปแบบใหม่ ๆ พวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนาน และลืมเรื่องความคับแคบในรถไฟไป

2. หาจุดเด่นเฉพาะของสินค้านั้น

หากมิโตะโอกะมองรถไฟของเขาเป็นแค่รถไฟ ในสมองเขาคงมีแต่ข้อจำกัด … ตัวรถไฟก็แคบ รถก็เคลื่อนขบวนตลอด ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ ผู้โดยสารคงอาบน้ำลำบาก ฯลฯ

แต่มิโตะโอกะกลับกล่าวว่า “รถไฟขบวนนี้ เอาชนะรีสอร์ทหรูได้แน่ครับ”

เขามองว่า ไม่ว่าโรงแรมนั้นจะหรูหราขนาดไหน แต่วิวจากห้องพักก็ยังคงเหมือนเดิม

ส่วนรถไฟนั้น ดีกว่าโรงแรมเยอะ เพราะทิวทัศน์เปลี่ยนไปตลอดเวลา

หากเป็นรถไฟ ไม่ว่าวันนั้น ฝนพรำ หรือหิมะตกปรอย ๆ ในวันที่อากาศไม่ดีเท่าไร การนั่งรถไฟ ก็ยังดีกว่านั่งในโรงแรมเฉย ๆ

แม้รถไฟอาจมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ แต่หากทำการบริการและคุณภาพอาหารให้ดี มิโตะโอกะเชื่อว่า รถไฟต้องสามารถสู้กับรีสอร์ทได้อย่างแน่นอน

จุดเด่นของดีไซเนอร์ญี่ปุ่น คือ พวกเขาไม่ได้มองที่ข้อจำกัด และไม่ได้เห็นแต่สิ่งที่เป็นอุปสรรค แต่มองหาโอกาสก่อน กรณีนี้ มิโตะโอกะพบสิ่งที่คู่แข่งของเขา กล่าวคือ โรงแรมชั้นนำ ไม่สามารถเลียนแบบรถไฟได้ … นั่นคือ ทิวทัศน์อันสวยงามที่เปลี่ยนไปทุกครั้งที่มองออกนอกหน้าต่าง เขาจึงดึงจุดเด่นข้อนี้ขึ้นมามากขึ้น

รถไฟ 7 ดาวจึงมีหน้าต่างที่อยู่ในระดับเดียวกับที่นั่ง หรือตรงท้ายขบวน จะเป็นกระจกใสแผ่นใหญ่ เพื่อให้ผู้โดยสารชมทิวทัศน์ได้ดีที่สุด
Japanese product design

ภายในรถไฟ หน้าต่างอยู่ระดับเดียวกับที่นั่ง เพื่อให้เห็นทิวทัศน์/ภาพจาก: National Geographic

3. ก้าวข้ามอุปสรรค

ในการออกแบบรถไฟ 7 ดาวนั้น มิโตะโอกะต้องทำงานร่วมกับคนเป็นจำนวนมาก เช่น ช่างแกะสลัก ช่างไม้ ช่างไฟ เชฟที่จะทำอาหารบนรถไฟ และแน่นอน … การรถไฟคิวชู

แม้มิโตะโอกะจะมีไอเดียดีเท่าไหร่ แต่หากคนอื่น ๆ รู้สึกว่ายุ่งยาก หรือเกินความสามารถตนเอง รถไฟ 7 ดาวที่งดงามอย่างแตกต่าง คงไม่เกิดขึ้นแน่

ในฐานะดีไซน์เนอร์ มิโตะโอกะจึงมุ่งมั่นออกแบบรถไฟที่ทั้งผู้โดยสาร และช่างฝีมือ จะร้อง “ว้าว”

เมื่อช่างฝีมือ “ว้าว” พวกเขาก็เริ่มอยากจะทำ

เทคนิคหนึ่งของมิโตะโอกะที่ทำให้ลูกทีมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือ การทำให้ทีมเห็นภาพว่า ผลงานขั้นสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ตลอดจน รถไฟขบวนนี้จะสุดยอดแค่ไหน และจะทำให้ผู้โดยสารยิ้มได้กว้างเพียงใด หากพวกเขาทำได้ตามนั้นจริง

ตอนนำเสนอดีไซน์แก่ลูกค้า มิโตะโอกะจะนำเสนอไอเดีย 3 แบบ ไอเดียที่ 1 เป็นไอเดียที่แตกต่างจากสินค้าเดิมที่เคยมีมา เป็นไอเดียที่เป็นเอกลักษณ์ ไอเดียที่ 2 เป็นไอเดียที่ปรับปรุงจากสินค้าในปัจจุบัน ส่วนไอเดียที่ 3 จะเป็นไอเดียที่ใกล้เคียงกับสินค้าเดิมนี้

เมื่อเขานำเสนองาน ลูกค้าส่วนใหญ่จะอยากได้ไอเดียที่ 1 แต่ข้อเสียคือ ไอเดียนี้จะเป็นดีไซน์ที่ทำได้ยากที่สุด ในตอนนั้น เมื่อทุกคนรู้สึกกระหายอยากได้ไอเดียที่ 1 แล้ว มิโตะโอกะจะบอกกับลูกค้าว่า “เรากำลังจะสร้างอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน” เพื่อให้ทุกคนรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และมองอุปสรรคเป็นความท้าทาย 

แม้ราคาค่าที่พักขบวนรถไฟ 7 ดาวนี้ จะสูงถึง 1-3 แสนบาท แต่ก็มีคนจองเต็มจนล้นทุกรอบจนถึงบัดนี้

จากเดิมที่รถไฟเป็นเพียงขบวนรถที่ขนส่งคนให้ไปสู่สถานที่ท่องเที่ยว มิโตะโอกะได้เปลี่ยนให้รถไฟ 7 ดาวนี้ เป็นรถไฟที่ผู้คนต้องการขึ้น และได้สัมผัสประสบการณ์

สรุป:

  1. ทุ่มเทเพื่อลูกค้า ยึดความสุขลูกค้า ก่อนเรื่องต้นทุนและตัวเลข
  2. มองจุดเด่นที่เฉพาะสินค้าตนมีให้ออก อะไรคือจุดเด่นที่รถไฟเหนือกว่าโรงแรมหรือที่พักอื่น
  3. สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีม ให้พวกเขาเห็นว่า ตนเองจะได้เป็นส่วนร่วมของงานที่สนุก และท้าทาย
Avatar photo
เจ้าของนามปากกา เกตุวดี กูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดญี่ปุ่นที่เขียนบทความจากประสบการณ์ศึกษาและทำงานที่ญี่ปุ่นเกือบ 10 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักเขียนประจำเว็บไซต์กรุงศรี กูรูด้านการตลาดที่พร้อมให้ความรู้และเรื่องราวสไตล์แดนปลาดิบ "หมั่นถามตนเองเสมอว่า ในวันนี้เราได้สร้างประโยชน์อะไรให้ลูกค้า/สังคมแล้วหรือยัง"